NEWS : รู้หรือไม่? มีผลวิจัยออกมาว่า “นอน-ไบนารี” จะมีสุขภาพจิตที่แย่เมื่อเทียบกับเพศอื่น

‘Sapiens Lab’ องค์กรงานวิจัยไม่แสวงผลกำไรได้เปิดเผยรายงานวิจัยฉบับใหม่ที่เกี่ยวข้องกับสภาวะจิตใจของแต่ละเพศ เมื่อวันที่ 15 มีนาคม 65 หลังจากเปิดให้มีผู้เข้ารับการวิจัยกว่า 223,000 คน และได้ผลลัพธ์ออกมาเป็นที่น่าตกใจว่า ผู้ที่เป็น ‘นอน-ไบนารี’ มักจะมีความทุกข์ทางสุขภาพจิตมากกว่าเพศอื่น ๆ

ผลวิจัยชี้ว่า ผู้เป็น ‘นอน-ไบนารี’ มากกว่า 31% ถึง 85% มักจะมีสุขภาพจิตที่ย่ำแย่ แตกต่างจากกลุ่ม ‘Cisgender’ หรือชาย-หญิงทั่วไปมีมีความสุข และสุขภาพจิตแข็งแรกมากกว่าเมื่อเทียบกัน

รายงานสุขภาพจิตของโลกโดยรวมเมื่อปี 2564 ได้เปิดให้มีการสำรวจสุขภาพจิตแบบออนไลน์ (MHQ) เพื่อตรวจเช็คความเป็นปกติของสุขภาพจิต โดยวัดออกมาเป็นคะแนนสูง-ต่ำ ถ้าหากคะแนนสูงแปลว่าสุขภาพจิตนั้นทำงานปกติ แต่ถ้าหากต่ำเกินไปก็แปลได้ว่าสุขภาพจิตมีปัญหา ซึ่งเพศชายได้คะแนนเฉลี่ยที่ 68 และเพศหญิงได้ 62 คะแนน

แล้วนอน-ไบนารีล่ะ

นอน-ไบนารีได้คะแนนไปเพียง 25 คะแนนโดยเฉลี่ย ซึ่งห่างกับเพศชายและหญิงไปถึง 12-13 เปอร์เซ็นเลยทีเดียว และที่น่าตกใจคือกลุ่มที่ได้คะแนนน้อยนี้ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มวัยรุ่นที่อาศัยอยู่ในประเทศแถบลาตินอเมริกาที่มีอายุเพียง 18 – 24 ปี เท่านั้น

งานวิจัยของ ‘Sapiens Lab’ ได้ตอกย้ำงานวิจัยอื่น ๆ อีกหลายชิ้นที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพจิตของนอน-ไบนารี รวมทั้งกลุ่มคนข้ามเพศที่ก็มีสุขภาพจิตแย่พอกัน และการระบาดของไวรัสครั้งใหญ่ก็อาจจะมีส่วนทำให้สุขภาพจิตของนอน-ไบนารี และ LGBT+ ดิ่งลง เพราะขาดการดูแลสุขภาพทางเพศจากการล็อกดาวน์

ขณะเดียวกันรายงานของ ‘Sapiens Lab’ ก็ไม่ได้บอกวิธีแก้ไขปัญหาสุขภาพจิตให้มีแนวโน้มดีขึ้นแต่อย่างใด แต่จากงานวิจัยก่อนหน้านี้ที่ได้มีการศึกษากับกลุ่มวัยรุ่นข้ามเพศพบว่า การได้รับการดูแลเรื่องของสุขภาพทางเพศ ไม่ว่าจะเป็น การเทคฮอร์โมน การผ่าตัดแปรงเพศ ก็จะช่วยลดอัตราการเป็นซึมเศร้าและการฆ่าตัวตายของ LGBT+

การอยู่ในประเทศที่ร่ำรวยทำให้สุขภาพจิตดีขึ้นหรือเปล่า?

งานวิจัยชี้ว่าไม่จริง ผลสำรวจชี้ว่าประชากรในประเทศที่เศรษฐกิจเติบโตและแข็งแรงมีสุขภาพจิตที่แย่ลง จากการรายงานผลวิจัยปี 2020 สุขภาพจิตโดยเฉลี่ยของผู้เข้าร่วมการทดสอบแย่ลงร้อยละแปด สันนิษฐานว่าเป็นผลจากการล็อกดาวน์ มาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมทำ การเจ็บป่วยและการเสียชีวิตจากโควิด

ในปี 64 ก็ยังคงมีแนวโน้มที่สุขภาพจิตจะแย่ลงร้อยละสาม เพราะยังมีการระบาดของโรคโควิด 19 อยู่ แม้ว่าในการวิจัยจะไม่ได้บอกชัดเจนว่าโรคระบาดส่งผลอย่างไรต่อสุขภาพจิต แต่ในแง่ทางเศรษฐกิจกลับมีความเกี่ยวข้องกับสุขภาพทางจิตมากกว่า

ในประเทศที่มีฐานเศรษฐกิจใหญ่ ๆ เรากลับพบว่าประชากรของพวกเขามีสุขภาพจิตที่ย่ำแย่คือใน สหรัฐฯ แคนาดา และสหราชอาณาจักร ไอร์แลนด์ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และแอฟริกาใต้ นักวิจัยมองว่าในประเทศที่มีฐานเศรษฐกิจใหญ่และเติบโตอยู่ตลอดเวลาจะทำให้ประชาชนต้องฝ่าฟันกับค่าครองชีพและความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจสูง

“ผลสำรวจในปีนี้ทำเราตกใจมาก และมันทำให้เราต้องพิจารณาถึงการเติบโตของเศรษฐกิจ ความเป็นบุคคล และการเปลี่ยนความสัมพันธ์แบบเห็นหน้ากันไปเป็นความสัมพันธ์แบบดิจิทัลทำให้สภาวะทางจิตย่ำแย่ลง ข้อมูลเหล่านี้ชี้ชัดแล้วว่า เราต้องการแนวคิดใหม่ ๆ มาเติมเต็มจิตวิญญาณของมนุษย์” ‘Tara Thiagarajan’ ผู้ก่อตั้งและหัวหน้านักวิทยาศาสตร์ของ ‘Sapiens Lab’ กล่าว

อ้างอิง
https://www.pinknews.co.uk/2022/03/19/non-binary-mental-health-global-study/