HEADLINE: Popper กับวัฒนธรรมเกย์: ต้นกำเนิดของตัวช่วยสร้างความสุข ให้สนุกได้มากยิ่งขึ้น และอนาคตที่อาจถูกสั่งแบน?!

by | Oct 23, 2021 | Uncategorized

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าชาว LGBTQ+ เกินครึ่งต้องรู้จักป็อบเปอร์ และคงมีอีกหลายๆ คนที่เคยใช้ป็อบเปอร์เป็นตัวช่วยให้ผ่อนคลาย สร้างอารมณ์ เพื่อให้สนุกกับการสัมผัส และมีความสัมพันธ์กับใครสักคน แต่ก่อนที่จะกลายมาเป็นตัวช่วยให้เราได้ใช้กันในวันนี้ ป็อบเปอร์เองก็มีประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจและอนาคตที่น่าจับตามอง ตามที่คุณ Adam Zmith ได้เขียนเอาไว้ในหนังสือ Deep Sniff: A History of Poppers and Queer Futures
.
ป็อบเปอร์หรือตัวยา Amyl Nitrite ถูกคิดค้นขึ้นโดยนักวิทยาศาสตร์ชาวสกอตแลนด์ชื่อว่า Thomas Lauder Brunton เพื่อใช้ในการรักษาและลดระดับความดันเลือดของผู้ป่วย โดยเขาได้บรรจุลงขวดหลอดแก้วเพื่อจ่ายคู่กับใบสั่งยา ซึ่งผู้ป่วยจะได้รับคำแนะนำให้ทุบหลอดแก้วแล้วดมกลิ่นของตัวยา และเสียงขวดแก้วแตกที่ดัง ‘ป็อบ’ นั้นเองที่ทำให้ยาตัวนี้ถูกเรียกว่า Popper

หนังสือของ Adam Zmith ไม่ระบุว่าจุดเริ่มต้นของการใช้ตัวยา Amyl Nitrite หรือป็อบเปอร์เพื่อการผ่อนคลายนั้นเกิดขึ้นเมื่อไร แต่นักค้นคว้าก็ได้ระบุว่ากลุ่ม Queer ได้เริ่มใช้ยาตัวนี้อย่างแพร่หลายในยุคปี 1960 ซึ่งเกิดจากการที่ทางองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกาเล็งเห็นว่าตัวยา Amyl Nitrite ไม่มีความอันตรายในการใช้งาน จึงอนุญาตให้ประชาชนทั่วไปซื้อตัวยาได้โดยไม่ต้องใช้ใบสั่งยา
.
อย่างไรก็ตาม ก็ได้มีรายงานเกี่ยวกับกรณีที่ชายหนุ่มมากมายที่มีการใช้ตัวยานี้อย่างผิดวัตถุประสงค์ ทาง อย. จึงต้องเรียกร้องให้มีใบสั่งยาคู่กับการจ่ายยาตัวนี้อีกตามเคย ซึ่งก็ดูเหมือนว่าจะสายไปแล้ว เพราะตัวยาป็อปเปอร์ได้ฝังรากไปเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรม Queer เรียบร้อยแล้ว
.
หลังจากนั้นเอง ก็มีนักธุรกิจที่มองหาช่องทางดัดแปลงตัวยา Amyl Nitrite ให้อยู่ในขวดพร้อมดม และจำหน่ายอย่างถูกต้องตามกฎหมาย พร้อมทั้งเจาะกลุ่มเป้าหมายไปยังกลุ่มเกย์ โดยการออกแบบฉลากบรรจุภัณฑ์ให้มีภาพของชายหนุ่มหล่อล่ำกล้ามโต ขับมอเตอร์ไซค์คันใหญ่ สวมใส่เสื้อหนังสุดเท่
.
Popper เป็นสาเหตุของการแพร่ระบาดโรค AIDS?
นอกจากการใช้ป็อปเปอร์จะถูกโยงเข้ากับวัฒนธรรมและความเป็นเควียร์แล้ว หนังสือของ Adam Zmith ยังได้เล่าอีกว่าผู้คนในอเมริกาต่างก็เชื่อว่าป็อบเปอร์เป็นต้นกำเนิดที่ทำให้โรค AIDS เกิดการแพร่ระบาด
.
โดยในช่วงปี 1980 ได้มีคนไข้ทั้งเกย์และไบเซ็กชวลมากมายที่ถูกนำส่งเข้าโรงพยาบาลด้วยอาการรุนแรง เหล่านักวิจัยและทีมแพทย์ต่างก็ค้นหาสาเหตุของอาการดังกล่าว เนื่องจากความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับเชื้อ HIV ในสมัยนั้นยังไม่มากนัก บวกกับทีมแพทย์พบว่าผู้ป่วยที่เสียชีวิตด้วยโรค AIDS ต่างก็เคยใช้ป็อปเปอร์กันมาก่อน ป็อปเปอร์เองจึงตกเป็นผู้ต้องสงสัยรายแรกๆ ว่าทำให้เกิดอาการเหล่านี้ขึ้น
.
“ในตอนนั้นทุกคนต่างก็ค้นหาสาเหตุของการเสียชีวิต และถึงแม้ว่าเราจะรู้แล้วว่าเป็นเพราะไวรัส แต่ก็มีคนมองหาปัจจัยอื่นๆ ที่อยู่คู่กันด้วย เพราะจำนวนป็อปเปอร์ที่ใช้ ก็อาจสัมพันธ์กับจำนวนเซ็กส์ที่มี และทำให้เกิดความเสี่ยงในการติดเชื้อเพิ่มมากขึ้นตามมาด้วยเช่นกัน”
.
แต่เมื่อโลกเปลี่ยนอะไรก็เปลี่ยนตาม ในยุคปัจจุบันที่นักวิทยาศาสตร์มีความรู้และเข้าใจเกี่ยวกับ HIV กันมากขึ้นแล้ว และมีอินเตอร์เน็ตที่ทำให้เราทุกคนสามารถเข้าถึงข้อมูลได้มากยิ่งขึ้น ความเชื่อมโยงระหว่างป็อบเปอร์และโรค AIDS ก็ถูกตัดออกจากกัน
.
นอกจากนี้อินเตอร์เน็ตยังทำให้มีคอนเทนต์เกี่ยวกับป็อบเปอร์เพิ่มมากขึ้นอีกด้วย อย่างบนเว็บไซต์สื่อทางเพศเองก็ได้มีคอนเทนต์ที่เรียกว่า ‘Popperbator’ ซึ่งแสดงภาพบุคคลดมป็อบเปอร์และช่วยตัวเองไปด้วย โดยมีจุดประสงค์เพื่อให้ผู้ชมได้ร่วมดมป็อบเปอร์ ได้สร้างจินตนาการและมีความสุขทางเพศไปด้วยกัน
.
แต่เนื้อหาเหล่านี้ก็ไม่ได้อยู่ในกระแสหลักของสื่อทางเพศมากนัก และทางเว็บไซต์รายใหญ่อย่าง PornHub เองก็ได้นำเอาคอนเทนต์ในรูปแบบนี้ออกไปแล้ว
.
Adam Zmith เชื่อว่าการปิดบังและจำกัดเนื้อหาแนว Popperbator นั้นจะทำให้วัฒนธรรมและชุมชนที่เกี่ยวข้องกับป็อบเปอร์นั้นลดน้อยลง จนกลายมาเป็นการกระทำที่ต้องทำในที่ลับ ไม่สามารถเปิดเผยต่อคนหมู่มากได้
.
“ผมไม่คิดว่าการใช้ป็อบเปอร์จะมีความผิดอะไร ผมว่าถ้าจะมีเรื่องที่ทำให้คิดว่ามันน่าละอาย ก็เป็นเพราะมันมีถูกโยงเข้ากับเซ็กส์ และเป็นเซ็กส์ทางทวารอีกด้วย แล้วยังไม่ใช่แค่นั้นนะ เพราะมันเป็นเซ็กส์ที่เน้นความสุขและความพอใจของคน มากกว่าที่จะเป็นเซ็กส์เพื่อการสืบพันธุ์ของคู่ที่แต่งงานกันแล้ว”
.
Adam Zmith ปิดท้ายว่าป็อปเปอร์ยังเป็นหัวข้อที่รัฐบาลถกเถียงกันบ่อยๆ อีกด้วย อย่างในแคนาดาเองก็เคยมีการแบนป็อบเปอร์ไปแล้วเมื่อปี 2013 และที่สหราชอาณาจักรเองก็เคยหารือกันในปี 2016 ด้วย แต่ด้าน Zmith เองก็เชื่อว่าบทสนทนาและการถกเถียงนี้จะยังคงเกิดขึ้นใหม่เรื่อยๆ และเป็นเรื่องที่ต้องหารือกันไปอีกยาวนาน
.
อ้างอิง: https://www.pinknews.co.uk/2021/10/08/poppers-history-adam-zmith-deep-sniff/