ปฏิเสธไม่ได้ว่ายังมีอีกหลายประเทศที่ใช้กฎหมายในการละเมิดสิทธิมนุษยชนของกลุ่มความหลากหลายทางเพศ เช่นเดียวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเมืองโคโน ซึ่งเป็นเมืองใหญ่อันดับที่สองของประเทศไนจีเรีย โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจจากกองกำลังรัฐศาสนาอิสลาม ได้จับกุมและดำเนินคดีกับชาย 5 คน ที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นเกย์ จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น นาย Harun Ibn-Sina ผบ.ทบ. ได้กล่าวรายละเอียดกับเว็บไซต์ท้องถิ่นของไนจีเรียว่า มีการแจ้งความจากกลุ่มผู้อยู่อาศัยในพื้นที่ที่ไม่ประสงค์ออกนาม ให้มีการดำเนินคดีกับชายกลุ่มดังกล่าว
.
โดย Ibn-Sina ยืนยันว่า ผู้ต้องสงสัยถูกจับกุมบริเวณสนาม แต่ยังไม่มีวันกำหนดการพิจารณาคดี ซึ่งเขาถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้ที่ยัดข้อหาให้กลุ่มวัยรุ่น ที่เขาเรียกว่า “ผู้นำแห่งรุ่งอรุณ” ให้เป็น “ผู้มีความประพฤติที่มิชอบ” แบบคนรักเพศเดียวกัน
.
ขณะเดียวกัน ตำรวจอิสลาม ยังเคยทำคดีเช่นเดียวกันนี้ในเดือน มกราคม ปี 2020 โดยเข้าจับกุมชาย 15 คน ที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นเกย์ ในงานปาร์ตี้ที่จัดขึ้นโดยรุ่นพี่บัณฑิต ซึ่งมีรายงานจาก Punch Nigeria ว่าในตอนนั้น เจ้าหน้าที่ประกาศว่าจะนำกลุ่มชายดังกล่าวไปที่ราชทัณฑ์ และทำการปรับทัศนคติ เพื่อแก้ไขรสนิยมทางเพศจากการเป็นคนรักเพศเดียวกันที่เป็นอันตรายและน่าอับอาย
.
ภายใต้ประมวลกฎหมายอาญา การลงโทษบุคคลที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นเกย์ให้จำคุกมีมานานกว่า 14 ปี ขณะที่ LGBTQ+ ไนจีเรีย ยังเผชิญกับการถูกทำให้เป็นอาชญากรรม ที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานในการไล่ล่าอาณานิคม ซึ่งเหตุการณ์เช่นนี้เริ่มทวีความรุนแรงและบานปลายในช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมา
.
ปี 2013 ไนจีเรียมีกฎหมายต่อต้านการสมรสเพศเดียวกัน หรือ Same-Sex Marriage Prohibition Act (SSMPA) โดยชื่อของกฎหมายมุ่งเน้นแค่การห้ามสมรสเท่าเทียม ซึ่งที่จริงแล้วขอบเขตของกฎหมายมีมากกว่านั้น จากรายงานของ Human Rights Watch (HRW) เผยว่า กฎหมายนี้ห้ามไปถึงการให้เกย์อยู่ร่วมกัน และห้ามการกระทำใด ๆ ก็ตามที่เป็นการแสดงความรักแบบคนรักเพศเดียวกันในที่สาธารณะ รวมถึงการห้ามก่อตั้งองค์กรเกี่ยวกับสิทธิของ LGBTQ+ ภายในประเทศ
.
ตั้งแต่มีการประกาศใช้กฎหมายนี้เป็นเวลา 8 ปี เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ล่วงละเมิดชุมชน LGBTQ+ ไนจีเรีย เรื่อยมา เช่นเดียวกันในปี 2018 ที่มีตำรวจบุกเข้าไปในงานปาร์ตี้วันเกิด และได้จับกุมชายจำนวน 47 คน ที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นเกย์ โดยมีพฤตกรรมเข้าข่ายคนรักเพศเดียวกัน ถึงแม้ว่าท้ายที่สุดศาลได้ตัดสินปล่อยตัวชายทั้งหมดในปีที่ผ่านมา แต่มันก็สะท้อนให้เห็นว่า ไม่มีใครออกมารับผิดชอบต่อการดำเนินคดีนี้ ซึ่งหมายความว่า อาจมีเหตุการณ์จับกุมผู้ต้องสงสัยในลักษณะเดียวกันนี้ได้ทุกเมื่อ
.
ทั้งนี้ ผู้ชายหลายคนที่เคยถูกดำเนินคดี ได้กล่าวกับรอยเตอร์ว่า ในระยะเวลา 2 ปี ที่พวกเขาต้องต่อสู้กับคดี สิ่งที่ตามมาคือการถูกไล่ออกจาบ้าน และถูกขับออกจากสังคม โดย Chris Agiriga ชายวัย 23 ปี ได้บอกว่า เขาต้องตกงาน เสียครอบครัว เสียเพื่อน เพียงเพราะเขาเป็นผู้ต้องหาที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นเกย์
.
การกดขี่ LGBTQ+ ไนจีเรีย ดูจะเข้มข้นขึ้นทุกขณะ ภายใต้การปกครองของ Muhammadu Buhari ประธานาธิบดีที่มีแนวคิดต่อต้านคนรักเพศเดียวกัน จากรายงานของ Initiative for Equal Rights (TIER) องค์กรเพื่อสิทธิมนุษยชนในพื้นที่ ได้เผยข้อมูลในปี 2020 ว่ามีผู้ชาย (หรือเกย์) ที่ถูกละเมิดสิทธิมนุษยชน รวมทั้งสิ้น 482 ราย ซึ่งมากกว่าอัตราการถูกละเมิดสิทธิในกลุ่มคนข้ามเพศ เพศกำกวม และผู้หญิง
.
นอกจากนี้ในช่วงการระบาดของ COVID-19 ยังมีการต่อต้านและละเมิดสิทธิของ LGBTQ+ อย่างต่อเนื่อง จากการที่ประชาชนต้องกักตัวอยู่ที่บ้านและมีโอกาสเป็นเหยื่อจากการถูกดำเนินคดี ยิ่งไปกว่านั้น ตำรวจได้มีการจับกุมผู้ชายเข้าคุก ด้วยการอ้างถึงรสนิยมทางเพศ ที่ทำให้พวกเขากลายเป็นเหยื่อในการดำเนินคดีอย่างไร้ความยุติธรรม
.
จากมุมมองของ global LGBTQ+ rights group ILGA ในปี 2020 มีประเทศในทวีปแอฟริกาที่ออกกฎหมายต่อต้านคนรักเพศเดียวกันเพียง 22 ประเทศ จากทั้งหมด 54 ประเทศ ซึ่งกรณีของไนจีเรีย ประมวลกฎหมายอาญาต่อต้านเกย์ มักจะถูกนำมาใช้ในการล่าอาณานิคมอยู่เสมอ
อ้างอิง: https://www.them.us/story/nigerian-police-arrest-gay-men-lgbtq-persecution
ภาพจาก: http://www.ipsnews.net/2011/12/nigerian-bill-criminalises-more-than-just-gay-people/
Follow ข่าวอื่น ๆ เพิ่มเติมได้ที่: https://youngprideclub.com/