จากผลสำรวจเลสเบี้ยนและไบเซ็กชวลหญิงที่พูดภาษาอังกฤษและภาษากวางตุ้ง พบว่าต่ำกว่า 2 ใน 5 เปิดเผยรสนิยมทางเพศของตนเองกับเพื่อนร่วมงาน โดยกลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่กล่าวว่าการเปิดตัวต่อที่ทำงานว่าเป็น LGBT สำหรับผู้หญิงนั้นเป็นเรื่องยาก และบางส่วนก็บอกว่ามันง่ายกว่าสำหรับเกย์และไบเซ็กชวลที่เป็นผู้ชาย เพราะมีการเปิดเผยกันมากกว่า
.
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ Denise Tang Tse-shang ผู้เชี่ยวชาญด้านการศึกษาวัฒนธรรมที่ Lingnan University กล่าวว่าเลสเบี้ยนและผู้หญิงมักจะถูกมองว่าไม่มีตัวตนในที่ทำงาน ซึ่งแตกต่างกับกลุ่มเกย์กับไบเซ็กชวลชายที่มีเครือข่ายร่วมกันที่กว้างใหญ่มากกว่า ทำให้มีโอกาสก้าวหน้าไปรับตำแหน่งอาวุโสกันมากกว่าด้วยเมื่อเทียบกับกลุ่มเลสเบี้ยน และนี่ยังหมายความว่ากลุ่มพนักงานเลสเบี้ยนมีบุคลต้นแบบในที่ทำงานน้อยกว่าอีกด้วย
.
กลุ่มตัวอย่างยังได้บอกอีกว่าพวกเธอกังวลเรื่องรูปลักษณ์ภายนอกมากเป็นพิเศษ และไม่สามารถแต่งตัวหรือแสดงกริยาท่าท่างที่มีความเป็นผู้ชายได้อย่างง่ายๆ บางรายถึงกับเคยถูกหัวหน้างานตำหนิว่าไม่สามารถไปพบลูกค้าได้ เพราะรูปลักษณ์ภายนอก “ไม่เป็นที่น่าชื่นชม” ซึ่งมีหมายความว่ากลุ่มตัวอย่างรายนั้น “ดูเป็นผู้ชาย” มากจนเกินไป จนพนักงานหญิงคนนั้นต้องลาออกไปด้วยเหตุผลนี้เลยด้วย กลุ่มเลสเบี้ยนที่ดูมีความเป็นผู้ชายมักจะถูกผลักไปไว้ในส่วนหลังบ้าน หรือส่วน IT ที่ไม่ต้องออกไปพบเจอกับลูกค้า
.
นอกจากนี้กว่า 2 ใน 3 ของกลุ่มตัวอย่างรับรู้ได้ถึงเพดานแก้วที่มองไม่เห็น แต่คอยจำกัดเส้นทางหน้าที่การงานเอาไว้ไม่ให้ก้าวหน้าไปได้
.
Celine Tan รองผู้อำนวยการของธนาคาร HSBC ได้แชร์ประสบการณ์ว่าเธอเองก็ได้พบเจอกับความยากลำบากในหน้าที่การงาน ในฐานะที่เป็นเลสเบี้ยน และพูดถึง “เพดานแก้วซ้อนสองชั้น” สำหรับพนักงานเลสเบี้ยนที่อยู่ฝ่ายการเงิน ซึ่งหมายความว่ากลุ่มพนักงานเลสเบี้ยนต้องทำให้มากกว่าและดีกว่าเพื่อให้ได้ไปอยู่ในจุดที่เทียบเท่ากับเพื่อนร่วมงานชายและหญิง
.
Tan กล่าวว่ายิ่งมีพนักงาน LGBT อยากจะเปิดตัวในบริษัทมากเท่าไร ก็ยิ่งสะท้อนว่าบริษัทนั้นมีคุณธรรมและมีการจัดการบริหารที่น่าเชื่อถือมากเท่านั้น “มันหมายความว่าพวกเขารู้สึกปลอดภัยที่จะเป็นตัวเองและแสดงออกมา”
.
Tang พบว่าหนึ่งในปัจจัยที่ทำให้พนักงานเลสเบี้ยนและไบเซ็กชวลหญิงไม่กล้าเปิดตัว ก็คือความเชื่อทางวัฒนธรรมจีนแบบดั้งเดิม และความเชื่อทางศาสนา ซึ่งไม่ยอมรับการเป็นเพศที่หลากหลายอย่าง LGBT
.
อย่างไรก็ตาม ฮ่องกงเองก็เริ่มมีกฎหมายที่เปิดกว้างและยอมรับกับความหลากหลายและความเท่าเทียมต่อกลุ่ม LGBTQ มากยิ่งขึ้น อย่างเช่นการให้สิทธิ์ Visa ผู้ติดตามและคู่สมรสสำหรับกลุ่มเพศเดียวกัน อีกทั้งยังมีผลสำรวจจากปี 2019 ที่ระบุว่า 44% ของกลุ่มตัวอย่างสนับสนุนให้มีการสมรสระหว่างเพศเดียวกัน (ซึ่งเพิ่มขึ้นจาก 27% ในปี 2016) และมีเพียง 12% ที่ไม่ยินยอมกับการออกกฎหมายคุ้มครองชุมชน LGBT (ซึ่งลดลงจาก 35%) นับว่าเป็นแนวโน้มดีๆ ที่เกิดขึ้น
.
Tang ปิดท้ายไว้ว่า เธออยากจะกระจายผลสำรวจนี้ไปให้ฝ่ายบุคคล เพื่อที่จะได้ผลักดันให้บริษัทมีนโยบายที่เอื้อต่อพนักงานที่เป็น LGBT ให้สามารถเป็นตัวของตัวเอง มีความมั่นใจในที่ทำงาน และสามารถทำงานได้ดีมากยิ่งขึ้นด้วย
.
อ้างอิง : https://www.scmp.com/news/hong-kong/society/article/3135330/too-butch-meet-clients-lgbt-women-hong-kongs-financial
Follow ข่าวอื่น ๆ เพิ่มเติมได้ที่: https://youngprideclub.com/
Facebook & Instagram & Twitter: @YoungPrideClub