.
เป็นที่ทราบกันดีแล้วสำหรับชาวอเมริกัน กับผลการเลือกตั้งครั้งล่าสุดของอเมริกา ซึ่งที่นั่งประธานนาธิบดีก็ตกเป็นของโจ ไบเดนด้วยคะแนนเสียงมากกว่าครึ่ง
.
ด้วยภาระงานที่ท่วมท้นหล่นทับมาจากประธานาธิบดีคนเก่า ทำให้โจต้องสะสางงานเหล่านี้ให้ผ่านพ้นไปโดยเร็ว แต่สิ่งที่เป็นที่น่าสนใจไม่ได้อยู่ที่การทำงานของไบเดน ที่เป็นปกติของประธานาธิบดีทุกคน แต่คือการที่ไบเดนออกนโยบายแก้ปลดล็อคที่ชาวทรานส์สามารถเป็นทหารได้
.
การปล็ดล็อคนี้ มีขึ้นหลังการสาบานตนเข้ารับตำแหน่งของโจ ไบเดนเพียง 5 วัน สืบเนื่องจากกฎหมายมรดกของทรัมป์ที่ห้ามให้คนข้ามเพศทำงานในราชการรวมทั้งการเป็นทหาร และการแกไขกฎหมายนี้ก็ถือว่านโยบายการสนับสนุนความเท่าเทียมทางเพศได้บรรลุไปอีกขั้นนึงแล้ว
.
แม้จะมีผู้เห็นด้วยเป็นจำนวนมากและมองว่านโยบายนี้จะทำให้เกิดความเท่าเทียมในผืนแผ่นดินอเมริกาอย่างแท้จริง แต่เหรียญย่อมมีสองด้านเสมอ เกิดการตั้งคำถามมากมายว่าจริงแล้ว นโยบายนี้น่ะหรือ ที่จะสร้างความเท่าเทียมทางเพศได้จริงๆ
.
ที่มาที่ไปของคำถามชวนสงสัยนี้ มากจากคำบอกเล่าของผู้ที่เคยเป็นทหารผ่านศึกของสหรัฐมาก่อน Aaron Myracle เธอกล่าวถึงเรื่องราวในกองทัพที่ไม่มีใครสามารถรับรู้หรือมองเห็นเหมือนเธอได้ นอกจากนี้เธอยังบอกว่าในกองทัพ มีการล่วงละเมิดทางเพศ และเหยื่อเองก็มักจะต้องซ่อนความลับ ปกปิดการกระทำของกองทัพเอาไว้ ด้วยเกรงว่าจะถูกลงโทษ
.
นักวิจารย์หลายคนเห็นด้วยกับ Aaron ถึงความรุนแรงในกองทัพมากมาย ที่ยังไม่ถูกเปิดเผยออกมา สู่สายตาของชาวอเมริกัน หลายคนมองว่าการจะพาชาวทรานส์เข้าไปอยู่ในนั้นมันก็คงไม่ดีนัก
.
กองทัพหรือกองกำลังติดอาวุธสหรัฐถือเป็นกองกำลังที่แข็งแกร่งติดอันดับโลก แต่ในทางกลับกันก็ถูกเล่าขานถึงความรุนแรงภายใน การข่มขืนถูกทำให้เป็นเรื่องปกติ ที่ใครๆ ก็สามารถโดนกระทำได้ทั้งนั้น และไม่ใช่เฉพาะทรานส์แต่กับผู้หญิงก็ถูกปฏิบัติแบบนั้นเหมือนกัน จากผลสำรวจชี้ว่า การถูกล่วงละเมิดทางเพศในกองทัพสหรัฐมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ กว่า 38% ของผู้หญิงในกองทัพเคยถูกลวนลาม และกว่า 55% ระบุว่าถูกคุกคามทางเพศ ซึ่งในปี 2018 มีรายงานว่า กว่า 76% ก็ถูกคุกคามแต่ไม่ได้รายงานกับกองทัพ ทำไมน่ะหรอ? เพราะการเปิดเผยว่าตนเป็นผู้ถูกลวนลามทางเพศในกองทัพ ท้ายที่สุดแล้วก็ต้องถูกปลดประจำการ อีกทั้งยังมีเพียง 24% เท่านั้นที่ถูกปลดอย่างสมเกียรติ
.
ไม่เพียงเท่านั้น หลังจากการถูกปลดประจำการด้วยปัญหาการถูกล่วงละเมิดทางเพศ สิ่งที่ตามมาก กลับกลายเป็นการถูกเลือกปฏิบัติไปโดยปริยาย ทั้งสวัสดิการพยาบาลและการดูแลสภาจิตใจหลังรับใช้ชาติกลับถูกมองข้ามโดยสิ้นเชิง จึงเป็นเหตุให้ผู้คนเหล่านี้ เกิดปัญหาสุขภาพจิต และมีแนวโน้มที่จะประสบปัญหากับการเป็นคนไร้บ้านมากกว่า 2 เท่า จนผลสุดท้ายก็คือการฆ่าตัวตาย
.
แล้วสิ่งที่ควรสนับสนุนชาวทรานส์คืออะไร นักวิจารย์หลายมองว่า สิ่งที่สำคัญและมันควรเป็นการสนับสนุนทรานส์มากที่สุดคือการให้ที่อยู่อาศัย อาหารการกิน หรือสวัสดิการสุขภาพ ไม่ใช่การเปิดให้คนข้ามเพศไปรับใช้ชาติที่เป็นแหล่งบ่มเพาะความรุนแรง
เพราะทุกวันนี้ที่เกิดชุมชนชาวทรานส์ก็เพื่อนหลีกหนีจากความรุนแรง อาชญากรรมจากความเกลียดชัง และการเลือกปฏิบัติที่ยังคงกัดกินอยู่มาถึงทุกวันนี้
.
อ้างอิง : https://www.them.us/story/case-against-lgbtq-military-inclusion-explained
ขอบคุณภาพ : https://www.newsweek.com/house-pushes-plan-keep-pentagon-banning-lgbtq-pride-flags-1522113
Follow ข่าวอื่น ๆ เพิ่มเติมได้ที่: https://youngprideclub.com/
Facebook & Instagram & Twitter: @youngprideclub