เรื่องราวของ Jang Yeong-Jin ผู้ลี้ภัยเกาหลีเหนือที่เปิดเผยว่าเป็นเกย์ ได้รับความสนใจและการนำเสนอจากสื่อนานาชาติ หลังจากที่เขาตีพิมพ์อัตชีวประวัติของตัวเอง และในตอนนี้ เกือบ 25 ปีที่ยองจินได้แปรพักต์ ยองจินก็กำลังจะแต่งงานกับแฟนหนุ่มชาวอเมริกา
ก่อนการลี้ภัย
Jang Yeong-Jin รู้ตัวดีว่าเขาไม่เคยรู้สึกสนใจในเพศตรงข้ามเลย เขาไม่สามารถแม้แต่จะสัมผัสภรรยาด้วยความสเน่หา และไม่สามารถมีเซ็กส์กับเธอได้ ทำให้ภรรยาไม่สามารถตั้งครรภ์แม้จะแต่งงานกันมานาน 4 ปี ยองจินสารภาพกับพี่ชายของเขาว่าเขาไม่มีความรู้สึกใดๆ ให้กับเพศตรงข้าม แต่สิ่งที่พี่ชายทำ คือพาเขาไปหาหมอ เพราะคิดว่านี่ถือเป็นอาการเจ็บป่วยร่างกาย พวกเขาไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่ามันมีสาเหตุอื่นที่ทำให้เขาไม่สนใจในเพศตรงข้ามได้อีกด้วย
ยองจินยอมไปตรวจร่างกาย และได้พบกับคนไข้คนอื่นๆ ที่ไม่มีความรู้สึกกับเพศตรงข้าม และเขาก็คิดว่ามีหลาย ๆ คนที่เป็นเหมือนกับเขา ที่ไม่สามารถแม้แต่จะจับมือภรรยาได้ในวันแต่งงาน
ต่อมา ยองจินก็ออกจากโรงพยาบาลพร้อมใบรับรองแพทย์ว่าเขาไม่ผิดปกติใดๆ แต่ความสัมพันธ์ของเขาและภรรยาก็ยังคงไม่ดีเหมือนเดิม “ผมคิดว่าผมควรปล่อยให้เขาไป เราควรแยกย้ายไปมีความสุขตามทางของเราเอง”
ในที่สุดเขาก็ยื่นคำขอหย่ากับภรรยา แต่ขั้นตอนการฟ้องหย่าในประเทศเกาหลีเหนือนั้นยุ่งยากและวุ่นวายมาก เพราะศาลสูงสุดจะต้องพิจารณาว่าสถานะสมรสนั้นเป็นภัยต่อความมั่นคงและแนวคิดของประเทศชาติ จนในที่สุด เขาและภรรยาก็ตัดสินใจที่จะหนีออกจากประเทศเกาหลีเหนือแทน เพื่อที่เขาจะได้พ้นสภาพการเป็นประชากร และภรรยาก็จะได้แต่งงานใหม่ได้
สิ่งสุดท้ายที่ยองจินอยากจะทำก่อนลี้ภัย ก็คือไปเยี่ยมเพื่อนสนิทที่สุด ชื่อว่า ซอนชอล ยองจินกับซอนชอลเติบโตมาด้วยกันอย่างสนิทสนม แต่ยิ่งยองจินเติบโตขึ้น ความรู้สึกที่มีต่อซอนชอลก็ยิ่งเอ่อล้นมากยิ่งขึ้นด้วย ในค่ำคืนสุดท้ายที่เขาได้อยู่ด้วยกัน เขาขอให้ซอนชอลอยู่กับเขาให้นานที่สุด แต่ซอนชอลเองก็ไม่ได้เผยว่าเขามีความรู้สึกเหมือนกับยองจินเลย จนสุดท้ายชีวิตในเกาหลีเหนือของเขาก็สิ้นสุดลง
ชีวิตในกรุงโซล, เกาหลีใต้
ยองจินมาถึงเกาหลีใต้ในปี 1997 โดยผ่านเส้นทางเขตปลอดทหารเกาหลีที่อันตราย และมีเพียงส่วนน้อยที่จะผ่านมาได้ การลี้ภัยของยองจินถึงกับเป็นข่าวหน้าหนึ่งในหนังสือพิมพ์เกาหลีใต้
โดยปกติแล้ว ผู้ลี้ภัยจะต้องผ่านการสอบสวนหลายสัปดาห์เพื่อให้แน่ใจว่าไม่ได้มาสอดแนม แต่ยองจินกลับต้องต้องถูกสอบสวนนานถึง 5 เดือน เพราะไม่สามารถอธิบายได้ว่าทำไมเขาถึงแปรพักต์ จนในที่สุดเขาก็ยอมรับว่าเขาไม่รู้สึกรักหรือสนใจในตัวภรรยา เขาจึงได้รับอนุญาตให้อยู่ในเกาหลีใต้ได้ แต่ก็ถูกส่งไปพบแพทย์เช่นเดียวกัน
ประเทศเกาหลีใต้ในขณะนั้นก็ไม่ได้เปิดรับการรักเพศเดียวกันนัก เจ้าหน้าที่จึงแนะนำให้เขาไปพบจิตแพทย์ เพื่อหาทางรักษา จนในที่สุด เมื่อต้นปี 1998 นับเป็น 13 เดือนหลังจากที่เขามาอยู่ที่เกาหลีใต้ เขาเปิดนิตยสารอ่านบทสัมภาษณ์เกี่ยวกับการแปรพักต์ของตัวเอง แล้วก็ได้เจอกับบทความเกี่ยวกับการเปิดตัวเป็นเกย์ และมีภาพตัวละครชายสองคนจากภาพยนต์อเมริกา กำลังจูบกันบนเตียง
ยองจินรู้ตัวทันทีว่าตัวเองก็เป็นเกย์ และชีวิตของเขาก็เปลี่ยนไป เขากลายเป็นลูกค้าประจำของบาร์เกย์ในกรุงโซล หลายปีผ่านไป ในปี 2004 ยองจินก็ได้ตกหลุมรักครั้งใหม่กับลูกเรือสายการบินแห่งหนึ่ง ที่เจ้าของบาร์แนะนำให้รู้จัก แต่สุดท้ายก็ต้องพบเจอกับความผิดหวังและคำหลอกลวง ซึ่งทำให้ยองจินต้องป่วยหนัก ตกงาน และต้องเริ่มชีวิตที่ยากลำบากในหลายปีที่ผ่านมา
การเริ่มต้นใหม่
แต่เมื่อปีแล้ว ยองจินซึ่งในขณะนี้อายุ 62 ได้เจอกับมินซู (นามสมมุติ) ชายเกาหลี-อเมริกา ผ่านเว็บหาคู่ และ 4 เดือนหลังจากพวกเขาได้ตัดสินใจคบหาดูใจกัน ยองจินก็กำลังเตรียมตัวย้ายไปอยู่ที่ประเทศอเมริกา ประเทศที่เขาเคยคิดว่าเป็น “ศัตรูตัวฉกาจ” จากคำชวนเชื่อของเกาหลีเหนือ
การล็อกดาวน์ทำให้ทั้งสองได้ใช้เวลาว่างร่วมกัน ทำความรู้จักกันมากยิ่งขึ้น และยิ่งได้รู้จักมินซู ยองจินก็ยิ่งตกหลุมรักเขามากยิ่งขึ้นเท่านั้น และหลังจากนั้นสองเดือน มินซูก็ตัดสินใจขอยองจินแต่งงาน ซึ่งทั้งสองมีแพลนจะแต่งงานกันภายในปีนี้
ถึงแม้ว่าชีวิตจะมีความสุขดีแล้ว แต่ยองจินก็ยังถูกอดีตตามมาหลอกหลอน เพราะคนในครอบครัวต้องถูกเนรเทศไปอยู่หมู่บ้านรันทดห่างไกล และกำลังอดอยากจากการหลบหนีของยองจิน ยองจินใช้วิธีการเขียนเพื่อระบายความเจ็บปวดและความรู้สึกผิดที่เขาได้ทำ และเขาคิดว่านั่นเป็นวิธีเดียวที่จะช่วยทดแทนสิ่งที่พวกเขาได้เสียสละให้ได้ ยองจินได้ตีพิมพ์อัตชีวประวัติส่วนตัว ที่มีชื่อว่า A Mark of Red Honor ในปี 2015
นอกจากที่ยองจินจะชีวิตในปัจจุบันที่เป็นอิสระแล้ว อดีตภรรยาของยองจินก็ได้แต่งงานใหม่ด้วยเช่นกัน
.
อ้างอิง :North Korea’s ‘only openly gay defector’ finds love
Follow ข่าวอื่น ๆ เพิ่มเติมได้ที่: https://youngprideclub.com/
Facebook & Instagram & Twitter: @YoungPrideClub
