
มองมุมกลับ ปรับมุมมอง: เมื่อฉันไม่มองตัวเองเป็นเหยื่อ
#InsideOut
#จากฉันสู่เธอ
ในช่วงปิดเทอม แน่นอนว่าหลายคนอาจจะความลำบากใจไม่มากก็น้อย เมื่อจะต้องกลับบ้านไปพบปะกับครอบครัว แม้แต่ชาวสีรุ้ง
ตัวตนและเพศสภาวะของเรา บางครั้งในครอบครัวหรือชุมชนโดยรอบ อาจจะเกิดคำถาม ความสงสัย ที่ทำให้เราต้องเตรียมตัวตอบ หรืออาจจะเลือกเก็บซ่อนตัวตน
แต่ผู้เขียนอยากจะลองแชร์อีกมุมมอง หากเราไม่มองวาเราไม่ใช่เหยื่อ เราได้เรียนรู้อะไรบ้าง?
#การประมาณตนและอยู่กับสิ่งที่ตัวเองเป็น
ไม่ว่าจะเกิดเหตุการณ์อะไรที่ทำให้จิตใจเราหวั่นไหว ในช่วงพบปะครอบครัว เมื่อเราตกอยู่ในสภาวะไม่ถูกยอมรับในอัตลักษณ์ของเรา
สิ่งที่สำคัญที่สุดคือเราต้องเข้าใจในตนเอง และเคารพในสิ่งที่ตัวเองเป็น เห็นคุณค่าในตัวเอง (Self-esteem)
Rosenberg (1979) กล่าวว่า บุคคลที่มีการเห็นคุณค่าในตนเอง จะมีความสามารถในการเผชิญอุปสรรคที่ผ่านเข้ามาในชีวิต และสามารถยอมรับสถานการณ์ที่ทำให้ตนรู้สึกผิดหวังและท้อแท้ด้วยความกล้าหาญ มีความเชื่อมั่นในความสามารถจนมั่นใจว่าตนเองสามารถทำสิ่งต่างๆได้สำเร็จตามที่ต้องการ
เพราะฉะนั้นแล้วอย่าสูญเสียความเป็นตัวเองเด็ดขาด เพราะเราได้เลือกทางเดินของตัวเองในสิ่งที่อยากจะเป็นแล้ว การเคารพตัวเองจึงเป็นสิ่งที่สำคัญในการจัดการชีวิตมากที่สุด
#การแก้ปัญหาเฉพาะหน้า
เมื่อไรจะมีเมีย? ผ่าตัดแปลงเพศแล้วหรือยัง? ยืนฉี่หรือนั่งฉี่?
บางครั้งคุณมักเจอสิ่งที่คุณไม่ถูกใจ คำถามที่ผู้ถามอาจจะไม่รู้ตัวว่าเป็นการเสียมารยาท หรือกำลังล้ำเส้นความเป็นส่วนตัวของคุณ ภายใต้ความไม่รู้ตัวของเขานั้น
ทำให้เราได้ฝึกได้ใช้ทักษะในการโต้ตอบ เราเลือกที่จะวางเฉย หรือตอบให้มันจบๆไป หรืออาจจะได้ฝึกใช้วาทศิลป์ในการพูดให้เกิดเป็นคารมคมคายก็ได้
#นึกถึงสิ่งดีๆ
การที่เราได้กลับไปพบเจอครอบครัวชุมชน ในความลำบากใจ ในความคับแคบทางอารมณ์ แต่เชื่อเป็นอย่างยิ่งว่า เราจะต้องมีสิ่งดีๆ คอยแทรกอยู่บ้าง อย่างเช่น ได้กลับไปพบเจอคนที่เรารัก ได้กลับไปพบปะคนที่ไม่ได้เจอเป็นเวลานาน ให้หายคิดถึง ได้ชาร์จแบตให้กับตัวเองจากการทำงานที่เหน็ดเหนื่อย ได้สัมผัสกับบรรยากาศเก่าๆที่เราจากมา
หากท่านใดยังตกอยู่ในภวังที่ครอบครัวไม่สามารถทำให้เรามีความสุขเลย ให้ถือว่าเรากลับไปทำหน้าที่ของลูกหรือบุตรหลานให้สมบูรณ์แบบที่สุด มองว่าคุณทำดีที่สุด และคุณทำมันได้อย่างสมบูรณ์ “ในแบบของคุณ” แล้ว
#เรื่องบางเรื่องไม่จำเป็นจะต้องทน
สุดท้าย หากตกอยู่ในสภาวะถูกรุกล้ำเข้าสู่เรื่องส่วนตัวมากเกินไป เช่น ก้าวก่ายในทรัพย์สิน หรือข้อมูลส่วนตัวต่างๆ ที่ไม่อยากจะเปิดเผย
มันไม่ผิดที่เราจะมีความระมัดระวังในตัวเอง และเลือกที่จะปฏิเสธ และสร้างความเข้าใจทันทีว่านี่คือเรื่องส่วนตัว
อย่างไรแล้ว ผู้เขียนขอเป็นกำลังใจให้ทุกท่านให้ใช้ชีวิต ด้วยการเคารพตัวตนของตัวเอง
แน่นอนว่าปัญหาความเท่าเทียมมันไม่สามารถใช้เวลาแก้ไขได้ภายในวันสองวัน ดังนั้นเราจะอยู่กับปัญหา โดยการเป็นเหยื่อ หรือ เรียนรู้ที่จะผ่านมันไปได้
แหล่งข้อมูล
http://cuir.car.chula.ac.th/…/123456…/44514/1/5477610338.pdf